ขนมนี้แสนวิเศษ สามารถกินกับอะไรก็ได้ จะกินกับน้ำปลาก็อร่อยสุดๆ แน่นอนว่ามันไม่ใช่อาหารที่มาจากจีนตามชื่อเรียกอย่างที่ทุกคนรู้ดี แต่ที่มาของขนมจีนคืออะไร แล้วทำไมต้องชื่อว่าขนมจีน มาหาคำตอบกันค่ะ
ชื่อ”ขนม”แต่ไม่ใช่ขนม
มารู้จักขนมจีนและความเป็นมากันเถอะ
ขนมจีนไม่ใช่อาหารจีน แต่คำว่า “จีน” สันนิษฐานกันว่าน่าจะมาจากมอญซึ่งเรียกขนมจีนว่า “คนอมจิน” คนอม หมายความว่า “จับกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน” จิน หมายความว่า “ทำให้สุก” และเพี้ยนมาเป็นขนมจีนนั่นเอง
ขนมจีนมีหลายชื่อให้เรียก ถ้าเป็นภาคเหนือเรียกว่า “ขนมเส้น” ภาคอีสานเรียนว่า “ข้าวปุ้น” ส่วนภาคใต้เรียกว่า “โหน้มจีน”
เส้นขนมจีนแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ
- ขนมจีนแป้งหมัก เป็นเส้นขนมจีนที่นิยมทำทางภาคอีสาน เส้นมีสีคล้ำออกน้ำตาล เหนียวนุ่มกว่าขนมจีนแป้งสด และเก็บไว้ได้นานกว่า ไม่เสียง่าย การทำขนมจีนแป้งหมักเป็นวิธีการทำเส้นขนมจีนแบบโบราณ ต้องเลือกใช้ข้าวแข็ง คือข้าวที่เรียกว่า ข้าวหนัก เช่น ข้าวเล็บมือนาง ข้าวปิ่นแก้ว ข้าวพลวง ถ้าข้าวยิ่งแข็งจะยิ่งดี เวลาทำขนมจีนแล้ว ทำให้ได้เส้นขนมจีนที่เหนียวเป็นพิเศษ นอกจากนี้แหล่งน้ำธรรมชาติก็เป็นสิ่งสำคัญ ต้องใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ จากคลองชลประทาน หรือน้ำบาดาล ไม่ควรใช้น้ำประปา เพราะเส้นขนมจีนจะเละทำให้จับเส้นไม่ได้ ไม่น่ากิน
- ขนมจีนแป้งสด ใช้วิธีการผสมแป้ง ขนมจีนแป้งสด เส้นจะมีขนาดใหญ่กว่าขนมจีนแป้งหมัก เส้นมีสีขาว อุ้มน้ำมากกว่า ตัวเส้นนุ่ม แต่จะเหนียวน้อยกว่าแป้งหมัก วิธีทำจะคล้ายๆกับขนมจีนแป้งหมัก แต่จะทำง่ายกว่าเพราะไม่ต้องแช่ข้าวหลายวัน และได้เส้นขนมจีนที่มีสีขาว น่ารับประทาน การเลือกซื้อขนมจีนแป้งสด ควรเลือกที่ทำใหม่ๆ เส้นจับวางเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ เส้นขนมจีนไม่ขาด ดมดูไม่มีกลิ่นเหม็นแป้ง ไม่มีเมือก ขนมจีนแป้งสดจะเก็บได้ไม่นาน ควรนำมานึ่ง ก่อนกิน
ที่มาจาก : wikipedia
สูตร ยำขนมจีน 4 แบบ 4 สไตล์ อ่านต่อได้ที่ https://goo.gl/M15zoi
ดูคลิปอื่นๆ เพิ่มเติม กินข้าวกัน