10 เมนูอาหารประจำชาติ จัดว่าเด็ด!
เกิดเป็นคนไทยนั้นโชคดีสุดๆ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน เพราะอาหารไทยนั้นชื่อดังก้องโลก คนจากทั่วโลกต่างเดินทางมาเพื่อที่จะได้ลิ้มลองอาหารไทย ทั้งต้มยำกุ้ง, ผัดไทย, น้ำพริกปลาทู รวมไปถึงอาหารพื้นบ้านอีกมากมายหลายชนิด ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างต้องยกนิ้วให้ แต่วันนี้เราจะขอพาทุกท่านออกไปนอกประเทศ ไปดูชาติอื่นๆกันบ้างว่าอาหารเด็ดของแต่ละชาติเค้าเป็นอย่างไร จะสู้ของเราได้มั้ย ไปดูกันเลย
1. Kibbeh, Lebanon
ถ้าพูดถึงตะวันออกกลางแล้ว นอกจากสงคราม ภูมิภาคนี้ยังเป็นแหล่งกำเนิดของวัฒนธรรมโบราณต่างๆที่เป็นต้นกำเนิดของวัฒนธรรมมากมายในโลกอีกด้วย ดังนั้นแน่นอนว่าอาหารก็เช่นกัน
Kibbeh ในภาษาพื้นเมือง จะหมายถึง ลูกบอล ที่เกิดจากการนำ bulgur หรือข้าวสาลีป่นคลุกเคล้ากับเครื่องเทศแบบอาหรับ แล้วมาปั้นเป็นก้อน ยัดไส้ด้วยเนื้อวัวหรือเนื้อแกะ จากนั้นนำไปทอดจนกรอบนอก นุ่มใน
2.Moussaka, Bulgaria
อาหารประจำชาติ Bulgaria ประเทศที่เคยตกเป็นอาณานิคมของประเทศตุรกี เป็นเวลายาวนานหลายร้อยปี ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมอาหารประจำชาติอย่าง Moussaka ถึงได้มีทั้งความเป็นวัฒนธรรมตะวันตกกับตะวันออกผสมกันอยู่ได้อย่างลงตัว
Moussaka คือเนื้อวัวบดที่ผัดกับหัวหอมคลุกเคล้ากันอย่างดี จากนั้นก็เติม พาร์สลีย์ มะเขือเทศ และมันฝรั่ง เข้าไป ผัดต่อจนหอมได้ที่ จากนั้นนำไปเข้าเตาอบ 1 ชม.จนมันฝรั่งสุก และสุดท้าย จะนำส่วนผสม ของ แป้ง, ไข่ และโยเกิร์ตรสดั้งเดิมของบัลแกเรียมาราดข้างบน และเอาเข้าเตาอบอีกรอบสุดท้ายเป็นเวลา 10 นาที
ความหอมของมันฝรั่งที่ผสมกับความมันของโยเกิร์ตรสดั้งเดิมของบัลแกเรียที่หาได้ที่บัลแกเรียเท่านั้น เพราะฉะนั้น Moussaka แบบต้นตำหรับนั้น ต้องมาถึงลิ้มลองถึงที่เท่านั้น
3.Penang Asam Laksa, Malaysia
ก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารที่ชาวไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี วันนี้เราจะพาไปดู Laksa ก๋วยเตี๋ยวของชาวมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งเป็นอาหารที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างความเป็นมาเลย์และอิทธิพลจากพ่อค้าชาวจีนเข้าด้วยกัน
Laksa มักใช้แกงกะหรี่ใส่กระทิ ซึ่งจะให้รสชาติที่หวานและมัน หรือแกงจากน้ำส้มแขกที่ให้รสเปรี้ยวคล้ายต้มยำของบ้านเรานั่นเอง
ในปี 2011 Penang Asam Laksa ยังได้รับรางวัลอาหารรสชาติดีที่สุดในโลกอันดับที่ 26 จาก ทั้งหมด 50 เมนูอีกด้วย เรียกได้ว่าใครไปเที่ยวมาเลเซียต้องห้ามพลาดเลยละอยู่ใกล้ๆบ้านเรานี่เอง
4. Conch Fritters, Bahamas
ประเทศ หมู่เกาะเล็กๆ ในเครือจักรภพอังกฤษ ที่มีประชากรแค่ประมาณ 3 แสนกว่าคนเท่านั้น ประเทศที่มีเศรษฐกิจคล้ายของไทย รายได้ของประเทศโดยส่วนมากได้มาจากธุรกิจการท่องเที่ยว รวมกับที่เหลือที่มาจากอุตสาหกรรมการเกษตร แม้ว่าจะเป็นประเทศขนาดเล็ก แต่ก็ยังมีวัฒนธรรมเป็นของตนเองและที่พลาดไม่ได้คือ อาหารพื้นเมืองประจำชาติ Conch Fritters นั่นเอง
คนที่นี่มีอาหารทะเลเป็นอาหารจานหลัก ดังนั้น “หอยสังข์ทอด” จึงกลายเป็นอาหารขึ้นชื่อของพวกเขา วิธีการทำคือ นำหอยไปชุบในกับแป้งที่ผสมกับไข่ไก่และนมสด จากนั้นก็ใส่เครื่องเทศ ที่มี พริกป่น, เกลือ, กระเทียม และพริกหั่นซอย เป็นส่วนประกอบ จากนั้นก็ปั้นเป็นก้อนแล้วโยนลงไปทอดในกระทะไฟแรงๆ จนกรอบนอกนุ่มใน หน้าตาจะออกมาคล้ายๆทอดมันบ้านเราเลยละ ซึ่งที่ต้องมาถึงที่นี่ก็เพราะ หอยสังข์ของชาวบาฮามัสนั้นหาได้ที่นี่เท่านั้นครับ สดๆจากทะเลเลย
5. Bulgogi, South Korea
อาจจะจริงที่บ้านเราตอนนี้อาหารเกาหลีนี่เป็นของธรรมดาไปแล้ว มีมากมายทุกแห่งหน จนตอนนี้เลยไม่รู้แล้วว่า ต้องไปร้านไหนถึงจะได้ทานอาหารเกาหลีที่มีรสชาติต้นตำหรับแบบเกาหลีจริงๆ ดังนั้นไปลิ้มลองกันถึงประเทศเกาหลีเลยน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
พุลโกกิ เป็น เนื้อหรือหมูหมักซอสที่ถูกนำไปย่าง ซึ่งจริงๆแล้วมันมีความลับอยู่คือ ต้องมีน้ำมันงาและต้นหอม และอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ ถ้าตามสูตรเกาหลีแท้ๆ จะต้องใส่ “ลูกแพร์จีน” ลงไปหมักในเนื้อหมูด้วย
6.Baked Apples With Honey, Belarus
เบลารุส ประเทศเล็กๆที่เคยเป็นรัฐหนึ่งในสหภาพโซเวียด ทำให้หลายๆอย่างในชาติได้รับการซึมซับมาจากโซเวียต ทั้งภาษาที่ใช้, วัฒนธรรม, ขนบธรรมเนียมประเพณี และแน่นอนรวมไปถึงอาหาร ด้วยเช่นกัน
“แอปเปิ้ลอบน้ำผึ้ง” อาหารที่เป็นเมนูเด่นของที่นี่ กรรมวิธีการทำนั้นง่ายแสนง่าย เพียงแค่นำแอปเปิ้ลมาคว้านไส้ตรงกลางออก แล้วหยอดน้ำผึ้งลงไป จากนั้นก็นำไปเข้าเตาอบ ประมาณ 1 ถึง 1.5 ชม. ด้วยความร้อน 180-190 องศา แอปเปิ้ลที่ได้ออกมาจะเนื้อนุ่มๆเหมือนพาย ไม่เละจนเกินไป ปิดท้ายด้วยการราดด้วยน้ำตาลไอซิ่ง เป็นอันเสร็จ
ที่ต้องมาลิ้มลองถึงที่เพราะ พันธุ๋แอปเปิ้ลของที่นี่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ และหาได้จากที่นี่ที่เดียวเท่านั้น รสชาติดั้งเดิมไม่เหมือนที่อื่นบนโลกแน่นอน
7. Irish Stew, Dublin, Ireland
ไอร์แลนด์ ประเทศที่มีประชากรจำนวนเพียงแค่ไม่ถึง 5 ล้านคน แต่ก็ยังสืบทอดขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมของชาวไอริชโบราณที่เรียกว่า Celt ก่อนที่จะกลายมาเป็น Normans และ Gaelic วัฒนธรรมที่ถูกส่งต่อมาจากชาวไวกิ้งโบราณ รวมไปถึงอาหารจานเด็ดของพวกเขาเช่นกัน นั่นก็คือ “Stobhach Gaelach” ชื่อพื้นเมืองของสตูว์แบบ Gaelic ของชาวไอริช
กรรมวิธีการทำไม่ยากเลย มีส่วนประกอบคือเนื้อลูกแกะสดๆที่นำมาตุ๋นในหม้อสัมฤทธิ์ จากนั้นใส่มันฝรั่งและแครอทเพื่อเพิ่มความหวาน ซึ่งเป็นเคล็ดลับที่ทำให้สตูว์ไอริชชามนี้ กลายเป็นอาหารที่ผู้คนจากทั่วโลกต้องมาลิ่้มลองให้ได้เลย
8. Pot-au-Feu, France
“เฝอ” ได้ยินคำนี้ใครๆก็ต้องคิดถึงก๋วยเตี๋ยวจานเด็ดของเวียดนาม ซึ่งจริงๆแล้วคำนี้มาจากภาษาฝรั่งเศส “Pot-au-Feu” หมายถึง “Pot on fire” หรือก็คือ “หม้อไฟสไตล์ฝรั่งเศส” นั่นเอง และนี่แหละครับคืออาหารยอดฮิตของชาวฝรั่งเศส เรียกได้ว่าเป็นอาหารที่มีกินกันทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นไหน จะรวยหรือจะจน แต่ “เฝอ” ก็เป็นอาหารคลาสสิคตลอดกาลของพวกเขา
จุดเด่นของสตูว์หม้อไฟฝรั่งเศสอันนี้คือ จะมีการนำชิ้นส่วนที่เป็น เอ็นหรือหางของวัว ที่มีเจลาตินธรรมชาติ มาตุ๋นจนเปื่อยในน้ำซุบรสชาติเข้มข้น ซึ่งหากทิ้งไว้จนเย็นก็จะกลายเป็นเยลลี่ซุบ ทานได้อร่อยไปอีกแบบ สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเฝอคือ พืชผักต่างๆหลายชนิด เช่น หัวหอม แครอท เทอร์นิพ เป็นต้น ส่วนใหญ่แล้วจะนำส่วนเอ็นและขนมปังปิ้งมาเสิร์ฟเรียกน้ำย่อยก่อน แล้วปิดท้ายด้วยพวก เนื้อ, หัวหอม, และแครอทที่จะกินกับ มัสตาร์ดสไตล์ Dijon รสชาติกลมกล่อมลงตัวมากเลย
9. Kangaroo Burger, Australia
แน่ละว่าแดนจิงโจ้ชื่อดังของโลกแห่งนี้ จะต้องมีเนื้อจิงโจ้เป็นอาหารจานเด็ดแน่นอน นอกจากจิงโจ้จะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองและสัญลักษณ์ประจำชาติของที่นี่แล้ว เนื้อของมันยังมีคุณค่าทางโภชนาการอาหารสูงมาก ไขมันต่ำสุดๆ ธาตุเหล็กสูง และยังสะอาดมากอีกด้วย
แฮมเบอร์เกอร์เนื้อจิงโจ้ เมนูนี้ไม่มาถึงที่ออสเตรเลียคงไม่ได้ เพราะที่นี่เนื้อจิงโจ้จะมีทั้งความสดใหม่ของจิงโจ้ในแบบธรรมชาติแท้ๆ ซึ่งหาไม่ได้จากที่อื่นแล้ว ร้านที่แนะนำก็จะเป็นร้าน Moo Gourmet Burgers ที่เสิร์ฟเบอร์เกอร์เนื้อจิงโจ้ พร้อมกับ หัวหอม มันฝรั่ง และบีทรูท ไว้แกล้ม แล้วราดซอสมายองเนสสูตรเด็ดของทางร้าน ที่จะทำให้เบอร์เกอร์อร่อยสุดๆไปเลย
10.Goulash, Hungary
“กู-ลย๊าช” (gulyás) ชื่อเรียกภาษาท้องถิ่นของสตูว์แบบฮังกาเรียนจานนี้ มีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 9 ซึ่งในสมัยก่อน เวลาต้องเดินทางไกลๆ เนื้อวัวหรือเนื้อสัตว์อื่นๆถ้าไปหาเอาตามทางจะหาได้ยากมาก จึงเกิดการนำเนื้อมาหมักในเครื่องเทศและตากแห้ง แล้วนำไปเก็บลงในถุงที่ทำมาจากกระเพาะของแกะ ซึ่งเป็นการเก็บและบ่มรชชาติไปในตัว โดยที่ไม่เน่าเสีย
สตูว์ฮังกาเรียนนี้มีวิธีการทำไม่ยากมาก เนื้อที่นำมาใช้จะเป็นเนื้ออะไรก็ได้ ทั้งเนื้อวัว, เนื้อลูกวัว, เนื้อหมู, รวมไปถึงเนื้อแกะ นำไปหมักเกลือไวัสักพักแล้วนำลงกระทะเจียเข้ากับน้ำมันหมูหรือหัวหอมซอยในน้ำมัน แล้วเติมพริกปราปริก้าป่นเข้าไป จากนั้นเติมน้ำหรือน้ำซุบจากไขกระดูกวัว ตุ๋นจนนิ่ม แล้วปิดท้ายด้วยการ เติมหัวกระเทียม, พริกตุ้ม, มะเขือเทศ, แครอท, ซาลารีย์, และรากผักชี หลังจากนั้นก็ปรุงแต่งรสด้วย ใบเบย์และใบไธม์ เครื่องเทศที่ให้กลิ่นเฉพาะตัว อาจจะเติมไวน์แดงหรือน้ำส้มหมัก เพื่อเพิ่มรสชาติจัดจ้านของสตูว์อีกก็ได้
คงจะถูกอกถูกใจกันไปสำหรับขากิน แม้ว่าในไทยจะมีอาหารสุดยอดระดับโลกอยู่แล้ว แต่การได้ไปเปิดหูเปิดตา ลองชิมอาหารของชนชาติอื่นๆบ้าง ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมของชีวิตเลยละ อย่ารอช้ารีบจองตั๋วเครื่องบินไปชิมอาหารทั่วโลกกันเลยดีกว่า หรือจะจองตั๋วผ่านมือถือก็ได้ทั้ง Android และ IOS